“ขอบคุณมากค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
ฉันบอกกับลูกค้าของร้านด้วยรอยยิ้มก่อนจะส่งกล่องกระดาษที่ภายในบรรจุเบเกอรี่ส่งให้ลูกค้า ผู้หญิงคนนั้นส่งยิ้มบางๆ ให้ฉันก่อนจะรับของแล้วเดินออกไปจากร้านช้าๆ โดยไม่หันหลังกลับมามองฉันอีกเลย
ฉันมองตามลูกค้าคนสุดท้ายของร้านไปจนสุดสายตาก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ วันธรรมดาที่แสนจะเบื่อหน่ายของฉันจบลงอย่างเงียบๆ เหมือนเช่นเคย ฉันก้มหน้ามองมือของตัวเองที่กำลังกำกันอยู่ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
วันนี้ก็จบไปอีกวันแล้วสินะ...
“วันนี้เป็นไงบ้างแพร” เสียงของเฮียแม็กเจ้าของร้านเบเกอรี่พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงสดใส ฉันเงยหน้าขึ้นจากมือของตัวเองแล้วมองหน้าเฮียแม็กยิ้มๆ เขาเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับน้ำเปล่าขวดเล็กในมือ ฉันเป็นแคชเชียร์ร้านเบเกอรี่ที่นี่น่ะ และเฮียแม็กก็คือรุ่นพี่ที่ฉันรู้จักตอนเรียนปีหนึ่ง ชายร่างท้วมที่หน้าตาเหมือนโจรแบบนี้ใครจะเชื่อว่าเป็นจ้าของร้านเบเกอรี่ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในย่านนี้ เฮียแม็กเป็นรุ่นพี่ในคณะของฉันเอง แต่ตอนนี้เขาเรียนจบไปแล้วล่ะนะ ถึงหน้าตาของเขาจะดูไม่ค่อยรับแขกแต่ฉันสาบานว่าเขาใจดีมาก
“ก็ดีค่ะ ลูกค้าเยอะเหมือนเดิมเลย” ฉันบอกเบาๆ เชิงบ่นพร้อมกับเอื้อมมือไปรับขวดน้ำดื่มจากเฮียแม็กมาเปิดดื่มด้วยความเหนื่อย
“นี่เป็นค่าแรงของวันนี้นะ ขอบคุณมากที่มาช่วย”
“แพรขอลาออกวันนี้เลยได้มั้ยคะ”
“หืม?” เฮียแม็กรีบตวัดสายตามามองหน้าฉันเร็วๆ เมื่อฉันพูดจบ คิ้วเข้มๆ ของผู้ชายซึ่งเป็นเจ้าของร้านขมวดเข้าหากันจนเป็นปม “ทำไมล่ะ ค่าแรงเฮียให้น้อยไปรึไง”
“แพรอยากทำงานใกล้ๆ บ้านน่ะค่ะ ช่วงนี้ดูเหมือนว่าพ่อแพรจะไม่ค่อยสบายด้วย” ฉันบอกออกไปโดยที่ไม่ยอมมองหน้าเฮียแม็ก ก็อย่างที่บอกล่ะนะว่าฉันไม่อยากทำงานที่มันไกลบ้าน ไหนจะยังมีพ่อเจ้าปัญหาของฉันอีก
“ก็ได้ๆ แต่ถ้าว่างวันไหนก็มาช่วยเฮียหน่อยละกัน คนขยันๆ แบบแพรยิ่งหายาก” เฮียแม็กบอกอย่างจนใจก่อนที่เขาจะยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลซองเล็ก ซึ่งภายในเป็นเงินค่าแรงของฉันส่งให้
“แพรถึงบอกให้เฮียรีบหาแฟนไงคะ จะได้มีคนมาช่วย อยู่เป็นตาแก่บนคานคนเดียวเหงาแย่”
“ยัยเด็กปากเสีย เดี๋ยวเหอะ!”
“แพรพูดความจริงแพรผิดตรงไหน โอ๊ย!!” แล้วฉันก็ต้องร้องออกมาเสียงหลงเมื่อขวดน้ำในมือเฮียแม็กตกลงกลางกบาลฉันเต็มๆ เพราะเถื่อนกับผู้หญิงแบบนี้ไงถึงได้ไม่มีแฟนกับเขาสักที!!
“หุบปากไปเลยยัยเด็กบ้า จะเอามั้ยเงินเนี่ย!!”
“เอาค่ะ” ฉันบอกแล้วยิ้มแห้งๆ ก่อนจะรีบคว้าซองสีน้ำตาลก่อนที่เขาจะเก็บมันลงกระเป๋าตามเดิม แค่นี้ไม่เห็นต้องขู่เลย อะโด่!
“ได้เงินแล้วก็รีบกลับไปเลย”
“โหย เดี๋ยวนี้ไล่น้องแบบนี้เลยเหรอคะเฮีย ใจร้ายจัง”
“มันดึกแล้ว เป็นผู้หญิงเดินทางตอนกลางคืนมันอันตราย”
“จะกลับไปดีๆ หรือจะให้เฮียหักคอก่อนค่อยกลับ”
“โหดชะมัด” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเก็บซองเงินลงกับกระเป๋าเป้ของตัวเอง
“งั้นแพรกลับบ้านก่อนนะคะ เจอกันเมื่อชาติต้องการค่ะเฮีย” ฉันบอกแค่นั้นก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้บนเคาน์เตอร์แล้วเดินออกไปทันที ใจนึงก็รู้สึกใจหายล่ะนะ ก็ฉันทำงานที่นี่มาเกือบสองเดือนแล้วนี่ ถ้าเกิดเรียนจบแล้วไม่มีที่ไปฉันก็คิดว่าจะกลับมาที่นี่ล่ะนะ
แล้วเสียงโทรศัพท์ที่สั่นเบาๆ ในกระเป๋ากางเกงก็หยุดความคิดทั้งหมดของฉัน ฉันหยุดเดินแล้วล้วงมือถือออกจากกระเป๋าขึ้นมาดู แล้วชื่อของใครบางคนที่โชว์หราอยู่กลางหน้าจอก็ทำเอาฉันอยากจะกลั้นหายใจให้มันตายๆ ไปซะ
เชื่อฉันเถอะว่าทุกครั้งที่หมอนี่โทรมาไม่เคยมีครั้งไหนที่มีเรื่องดีเลย และฉันคิดว่าครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน
ฉันกรอกเสียงลงไปตามสายด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ปลายสายเค้นหัวเราะออกมานิดหน่อยเหมือนจะรู้ว่าฉันไม่อยากที่จะคุยกับเขาเลยสักนิด
[ดูเหมือนเธอไม่อยากจะคุยกับฉันสักเท่าไหร่เลยนะ....แพรดาว]
น้ำเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าฉันเกลียดที่สุดพูดออกมาด้วยโทนเสียงเรียบๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะใช้มือเสยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของตัวเองขึ้นอย่างหงุดหงิด
[เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธฉัน...ลืมที่เธอสัญญากับฉันไปแล้วเหรอ] ปลายสายพูดออกมาแค่นั้นแต่ก็มากพอที่จะทำให้ฉันจุกจนพูดไม่ออก ฉันได้แต่กำมือแน่นแล้วยอมรับชะตากรรมที่ฉันเป็นคนเลือกเอง สัญญาที่ฉันให้เขาเอาไว้ฉันจำได้ดี
ต่อให้ตายฉันก็ลืมไม่ลงหรอก
[ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง หนึ่ง...ทำตามที่ฉันบอกแล้วเธอจะได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ กับสอง...ปฏิเสธฉันแล้วให้ตาแก่นี่ตายไปซะ]
“อย่าแตะต้องพ่อของฉัน!!” ฉันพูดออกไปเสียงดังเมื่อเขาเอ่ยถึงใครบางคนออกมา ไม่ต้องสงสัยให้ยากเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะเอาใครมาขู่ฉัน เพราะนอกจากพ่อที่เป็นครอบครัวคนสุดท้ายแล้ว....ฉันก็ไม่เหลือใครอีกเลย
[ฉันให้เวลาเธอสิบนาที ถ้าเธอยังไม่มาฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของตาแก่นี่]
“ปล่อยพ่อฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
[รีบมาล่ะ...ชีวิตพ่อของเธออยู่ในกำมือของเธอแล้วนะ]
“นี่ เดี๋ยวก่อนสิ!! ไนล์ ฉันบอกให้ฟังฉัน!!! โธ่เว้ย!!” ฉันสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่ออยู่ๆ ปลายสายก็ตัดไปดื้อๆ หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ฉันได้แต่กำมือถือเอาไว้แน่นจนมือมันสั่น ตอนนี้ฉันทั้งโกรธที่หมอนั่นกล้าทำกับฉันแบบนี้ ทั้งกลัวว่าหมอนั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับพ่อของฉัน ความรู้สึกพวกนั้นกำลังฆ่าให้ฉันตายทั้งเป็นแล้วตอนนี้
ฉันโยนกระเป๋าเป้ของตัวเองใส่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูแรงๆ เขาก้มหัวให้ฉันนิดหน่อยก่อนจะเอากระเป๋าของฉันไปวางไว้ที่โต๊ะไม้สักทองตัวใหญ่ที่อยู่มุมห้อง กลิ่นน้ำยาปรับอากาศโชยเข้าจมูกของฉันทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้ามา
ด้านหน้าของฉันตอนนี้คือผู้ชายคนหนึ่งที่ดูจากหน้าแล้วรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้สีทองตัวใหญ่เหมือนพระราชาโดยใช้มือข้างหนึ่งเท้าศีรษะตัวเองเอาไว้ ดวงตาสีดำสนิทของเขาจ้องมองมาที่ฉันที่กำลังเดินเข้ามาด้วยแววตานิ่งๆ เส้นผมสีดำสนิทของเขากลมกลืนกับสีของท้องฟ้าในเวลานี้ ริมฝีปากบางเฉียบของเขากระตุกยิ้มนิดหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าแทบคลั่งของฉัน
“เดือดมาเชียว ฉันว่าเรามานั่งคุยกันดีๆ ดีกว่านะ”
“ฉันถามว่าพ่อฉันอยู่ที่ไหน!!” ฉันตะคอกออกไปเสียงดังอย่างเดือดสุดๆ ไนล์กระตุกยิ้มมุมปากเหมือนเคย เขาเอียงคอมองฉันด้วยสีหน้ากวนประสาท ฉันรู้ว่าเขาจงใจจะยั่วโมโหฉัน และฉันก็ดันโมโหเขาเอามากๆ ด้วยสิ
“รู้รึเปล่าว่าพ่อของเธอติดพนันฉันอยู่”
“ถ้าไม่อยากให้ตาแก่นั่นโดนฉันเชือดก็ทำตามที่ฉันสั่งซะ”
“ไอ้คนสารเลว” ฉันสบถด่าเขาลอดไรฟันพร้อมกับจ้องหน้าไนล์อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ถึงอย่างนั้นคนตรงหน้าก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านเลยสักนิด เขาเค้นหัวเราะในลำคอก่อนจะตวัดสายตาคมๆ ของเขาไปที่ลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ทำให้ฉันรีบหันไปมองตามสายตาของเขา ชายคนนั้นก้มหัวให้ไนล์นิดหน่อยก่อนจะเดินหายไปทางด้านหลัง
“เธอเป็นคนขอร้องให้ฉันเปลี่ยนเธอเองนี่แพรดาว แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากห้าปีก่อนเลยสักนิด”
“เธอสัญญาเอาไว้ว่าจะเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของฉันเพื่อแลกกับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่การที่เธอมายืนเถียงฉันฉอดๆ แบบนี้ไม่ได้อยู่ในสัญญาของเรา”
“แพร!!” ทันทีที่ไนล์พูดจบเสียงเรียกชื่อของฉันก็ดังขึ้น ลูกน้องของไนล์ที่หายไปกลับมาแล้ว เขากลับมาพร้อมกับผู้ชายร่างผอมคนหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่านั่นพ่อของฉันเอง ผู้ชายคนนั้นล็อกตัวพ่อของฉันเอาไว้จากด้านหลังด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ต่างจากพ่อของฉันที่เรียกชื่อฉันเสียงดังด้วยใบหน้าตื่นตระหนกเต็มที่ “แพรช่วยพ่อด้วย คนพวกนี้มันจะฆ่าพ่อ!!!”
“ฉันมีงานให้เธอทำ ถ้าเธอทำสำเร็จฉันจะยกหนี้ทั้งหมดของพ่อเธอให้ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ.... คงไม่ต้องให้ฉันบอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“งานอะไร” ฉันรีบถามเสียงดังโดยที่มองไปที่พ่อไม่วางตา แต่ถึงอย่างนั้นหางตาของฉันก็แอบเห็นรอยยิ้มร้ายกาจที่มุมปากของผู้ชายคนนั้นอยู่ดี
“ก็แค่สร้างความแตกแยกให้กับคู่รัก... งานง่ายๆ แบบนี้เธอถนัดอยู่แล้ว”
“ว่าไงนะ” ฉันกัดฟันถามเสียงเบาพร้อมกับตวัดสายตาไปมองหน้าไนล์ตรงๆ เขาไม่ตอบคำถามของฉันแต่กลับมองหน้าฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเดินมาเผชิญหน้ากับฉันช้าๆ ดวงตาสีดำคมกริบของเขามองฉันอย่างกดดันจนฉันเริ่มที่จะหายใจไม่ออก
“พรุ่งนี้สี่ทุ่มที่ไนท์คลับ รายละเอียดอื่นๆ ฉันจะให้คนไปบอกเธออีกที หวังว่าเธอจะทำมันสำเร็จนะ...แพรดาว” ทั่วทั้งตัวของฉันชาวาบเหมือนโดนใครราดน้ำเย็นๆ ลงที่หัว ไนล์บอกกับฉันแค่นั้นก่อนที่เขาจะใช้มือใหญ่ๆ ของเขาบีบที่หัวไหล่ของฉันอย่างไม่เบานัก
นี่...เขาล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย
คนที่รู้จักฉันดีกว่าใครก็มีแค่เขา แม้แต่พ่อของฉันยังไม่รู้จักนิสัยฉันดีเท่าเขาเลยด้วยซ้ำ และดูสิ่งที่เขาทำกับฉันสิ เขารู้ดีว่าสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการสร้างความแตกแยกให้กับคนอื่น การทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยแม้แต่คิดจะทำ
แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ถ้าฉันทำมันไม่สำเร็จก็เท่ากับฉันหาที่ตายเลยงั้นสิ โอ๊ยยย!! อยากจะบ้าตาย!
ไนล์บอกกับฉันแค่นั้นก่อนที่เขาจะเดินผ่านฉันไปด้วยท่าทางนิ่งๆ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาปล่อยพ่อของฉันให้เป็นอิสระเมื่อไนล์เดินออกไปแล้ว และทันทีที่เป็นอิสระพ่อก็รีบวิ่งมาหลบอยู่ด้านหลังของฉันเร็วๆ ใบหน้าแตกตื่นของพ่อทำให้ฉันทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างปลงตก