“เอ้า! มองเหี้ยไรอยู่ กระทืบไลค์สิครับ”
“กูอวยมึงจนนิ้วจะหักแล้วเนี่ยไอ้ฟาย”
“เกร๊ดดดดดดด พี่ไทน์ขอหอมแก้มหน่อยค่ะ” เสียงนรกกวนประสาทนี่เป็นของเพื่อนก๊วนมหา’ลัยของผมเองครับ สนิทกันอยู่แค่สี่คน มันบอกให้ผมเรียกมันว่าเจมส์จิ โป๊ป และมาริโอ้ รวมตัวกันในชื่อ ‘แก๊งพระเอก’ แต่ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรหล่อเลยสักอย่าง ขนาดตาตุ่มยังด้าน จะเอาอะไรไปสู้คนอื่นเขา
ไอ้คนที่พูดประโยคเมื่อครู่ชื่อเผือก นามแฝงคือเจมส์จิ หน้าตาไม่เหมือนเจมส์เลยสักนิด ยกเว้นความกว้างของหน้าที่บานเป็นบาตรพระ
ข้างๆ ตัดผมทรงเดียวกับอินพิต้าหนุ่มคิวต์บอยชื่อไอ้โอม นามแฝงคือโป๊ป มันบอกหล่อแบบสุภาพบุรุษ เป็นคุณพิศุทธิ์ในสามีตีตรา
คนต่อมาเป็นไอ้เจ๊กฟ่งตาตี่ แม่มันเคยขายทองอยู่เยาวราช แต่ตอนนี้ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ข้างมอแล้ว แม่มตอแหลบอกโดนมาเฟียไล่ที่ ชอบมโนว่าตัวเองเหมือนมาริโอ้เพราะหัวนมสีชมพู ของเขาลูกครึ่งไทย-จีน-เยอรมัน แต่มันน่ะลูกเสี้ยวไทย-จีน-ลอดช่องสิงคโปร์
ส่วนผมยังไม่แน่ใจเลยครับว่าจะเป็นณเดชน์หรือหมาก ปริญดี ก็ต้องดูก่อนว่าเรตติ้งเรื่องไหนพุ่งก็เป็นคนนั้นแหละ ถุย!
แต่แล้วเสียงหัวเราะก็จางหายไป เพราะมีใครคนหนึ่งแทรกเข้ามา
คุณเคยสงสัยมั้ย ทำไมอะไรหลายๆ อย่างต้องอยู่กันเป็นคู่ พอเป็นคี่ปุ๊บจะรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาทันที ผมคนหนึ่งล่ะที่เคยเสพติดอะไรที่เป็นคู่หมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อนหรือ...เรื่องแฟน
บอกได้เลยชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเหงา อาจเป็นเพราะเรียนในโรงเรียนชายล้วนหนึ่งในสี่ของจตุรมิตรด้วยล่ะมั้ง ชีวิตเลยซาบซ่าน มีคนเข้ามาคุย เข้ามาวอแวหัวใจอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งขึ้นปีหนึ่งในมหา’ลัย ชีวิตวัยมัธยมก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนผมอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า...
ผมเคยมีแฟนมาแล้วหลายคนตั้งแต่เรียนมัธยมเรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของชั้นเลยก็ว่าได้ ลองถามกะเทยน้อยหอยสังข์ในโรงเรียนดูสิ ใครไม่รู้จักพี่ไทน์ ทีปกร ม.6/9 บ้าง ขี้คร้านจะเจอแต่คนส่ายหัว บอกไม่รู้จักก็บ้าแล้ว พี่เขาออกจะน่ารักใสๆ หัวใจสี่ดวง ส่วนเรื่องแฟนมีมาแล้วทุกรูปแบบครับ ส่วนใหญ่ก็อยู่โรงเรียนอื่นหมด อ่ะ! ก็กูเรียนชายล้วน มีตั้งแต่...
“กิ๊ง วันนี้ว่างมั้ย” ถามออกไปด้วยเสียงโคตรหล่อ คนนี้อ่ะให้ใจเยอะที่สุดเพราะเป็นรักครั้งแรก สวย เรียนเก่ง ที่สำคัญคนชอบเยอะ พอได้มาเป็นแฟนเลยรู้สึกว่ากูชนะคนทั้งจตุรมิตรเลยว่ะ โคตรวิน
“ทำไมเหรอ” เธอถามกลับมาเสียงหวาน
“อ๋อ...เรามีเรียนคณิตที่ The Brain น่ะ”
“พรุ่งนี้เรียนเคมีที่ อ.อุ๊ จ้ะ”
“ขอโทษนะเราติดเรียนไบโอบีม แล้วก็ต้องไปเรียนฟิสิกส์ต่อที่ยูเรก้า ไหนจะภาษาอังกฤษของอาจารย์สมศรีอีก ส่วนวันอาทิตย์ก็ยิงยาวเรียนภาษาไทยกับสังคมที่ดาว้องก์น่ะ”
“เราขอแอดมิชชั่นติดก่อนได้มั้ย ถ้ามีที่เรียนแล้วเราค่อยออกไปเที่ยวด้วยกันนะ”
นี่กิ๊งคบกับเราชาตินี้แต่จะไปเที่ยวกับเราชาติหน้าเหรอ ผมอยากมีแฟนเป็นผู้หญิงครับ ไม่ได้อยากมีแฟนเป็นไอน์สไตน์ผสมฮิตเลอร์ผนวกกำลังกับสุนทรภู่ สุดท้ายเราก็เลิกกันเพราะผมพลั้งปากไล่ให้เธอไปคบกับติวเตอร์กวดวิชา ถามว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างเหรอครับ...
ได้กับอาจารย์สอนภาษาอังกฤษไปแล้ว!
แฟนน่ารักมุ้งมิ้งแถมบ้ากล้อง...
“ไทน์ ขอถ่ายรูปเซลฟี่หน่อย” คนนี้ชื่อแป้งหวานครับ เธอเป็นคนแบ๊วๆ ใสๆ และก็มักจะมีกล้องถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้งอยู่ติดตัวตลอดเวลา ติดยิ่งกว่าเหาอีกครับไม่อยากจะพูด
“ลิ้นจี่!!” ผมพูดตาม จนริมฝีปากแทบฉีกถึงใบหู
“น่าร้ากกกกกกก” จากนั้นเธอก็หยิกแก้มผมใหญ่ งุ้ยยยย
“งั้นเรากินข้าวกันต่อเถอะนะ”
“โอเค กรี๊ดดดดดดดด ชีสพายมาแล้ว ขอถ่ายรูปแป๊บนึงนะ ไทน์ถ่ายรูปให้เค้าโหน่ย” จากนั้นก็ยื่นกล้องถ่ายรูปให้ อย่าเรียกว่ายื่นเลย ขอใช้คำว่ายัดเยียดจะง่ายกว่า
แชะ!! จบข่าวก็ยื่นกล้องกลับไปไวว่อง หิวจนไส้จะกิ่วอยู่และ
“ง่ะ ตัวถ่ายเค้าหน้าอ้วนอ่ะ”
“เหรอๆ ถ่ายใหม่นะ ถ่ายใหม่ เอ้า! สาม...สอง...”
“ตัว...ตัวไม่ได้นับหนึ่ง เค้าคิดท่าไม่ทัน” อิ๊ห่า เมื่อกี๊กูยังเห็นมึงทำท่าคางคกอมลมอยู่เลย
จบ! จบกันความรักแอ๊บแบ๊ว ไปกันไม่รอดหรอกครับ ประสาทจะแดก
“ตะเองอยากกินข้าวกับอะไร เดี๋ยวจะพาไปกินเลย”
คือเวลาผมคบใครผมจะพยายามแสดงความป๋าออกมาให้มากที่สุด แฟนอยากได้อะไรซื้อให้ แฟนอยากกินอะไรพาไปหมด อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน
“ไม่รู้อ่ะ แล้วแต่ตะเองแล้วกันนะ” งี้แหละครับผู้หญิง จะกินอะไรก็ชอบให้คิดแทนตลอด
“งั้นวันนี้เราไปกินกุ้งถังกันดีมั้ย”
“กุ้งถังเลยเหรอ ไม่เอาอ่ะ กินไม่หมดหรอก”
“งั้นก็สปาเกตตี้ จำได้ว่าตะเองชอบกินคาร์โบนาร่า”
“ม่ายยยย มันเลี่ยนจะตาย ให้เค้ากินตอนนี้มีหวังอ้วกแตกแน่เลย”
“แล้วแต่ตะเองเลย” ผมเริ่มกลอกตาไปมา พยายามคิดเมนูอาหารมากมายอยู่ในหัว
“ไปกินข้าวมันไก่ประตูน้ำเลย เจ้าดัง”
“สลัดดีกว่า สลัดกินแล้วไม่อ้วน”
“ถ้าเค้ารู้เค้าจะให้ตะเองคิดมั้ยอ่ะ ถามใจดู”
สัด!! มัวแต่คิดแบบนี้ชาติหน้ากูจะได้กินมั้ย ถามใจกูบ้าง!!
“ทำไมช่วงนี้ไทน์ไม่มีเวลาให้เบเบ้เลยอ่ะ” เด็กคอนแวนต์ครับ หน้าตาน่ารักเชียว ของใหม่แกะกล่อง หน้าใสยิ่งกว่าก้นเด็กสามเดือน
“ก็เรียนหนักอ่ะครับ วันนี้ว่างเลยจะชวนไปดูหนังไง” ผมถือคติการเป็นแฟนต้องเอาใจ แต่ถ้าเธองอนเมื่อไหร่รีบง้อทันที
“แล้วไทน์จะขับรถอะไรมารับเราอ่ะ”
“ไม่เอา เกิดมาไม่เคยนั่งซีวิค เบาะต้องแข็งแน่ๆ เลย งั้นให้คนขับรถที่บ้านเบเบ้ไปส่งมั้ย” เธอนั่งยานอวกาศเหรอครับ ถึงได้ให้ความรู้สึกว่าเบาะมันนุ่มประดุจปุยเมฆ
“ได้ๆ ดูหนังแล้วไปหาอะไรกินต่อนะ”
“เบเบ้ว่าจะไปช็อปปิ้งหน่อย ช่วงนี้เครื่องสำอางขาด ต้องการลิป M.A.C สี Kinda Sexy กับ Please Me แล้วก็จะแวะดูน้ำหอมของ Dior ไว้ฉีดไปเรียนด้วย เบื่อมากเลย เดินไปตรงไหนก็มีแต่คนฉีดกลิ่นเดียวกัน กระเป๋าก็ว่าจะเปลี่ยนแล้ว สะพายหลุยส์แล้วให้ความรู้สึกว่าโหลมาก”
“ไทน์ว่ากระเป๋ายี่ห้ออะไรสวยอ่ะ”
“ไม่รู้ดิ ไม่ค่อยรู้รสนิยมผู้หญิงหรอก” แต่ถ้าให้บอกก็กระเป๋าจาคอบส์กับถุงผ้าลดโลกร้อนอ่ะ จะซื้อมั้ย
“ไทน์นี่ช่วยอะไรเบเบ้ไม่ได้เลยจริงๆ”
ฟังแล้วละเหี่ย จนผมล่ะอยากยกโรงเกลือมาให้น้องเบเบ้ไว้เลือกของเลยจริงๆ
เลิกสิครับ รอแม่มาโบกหัวเหรอ!
“ทำไมเวลาเราโทรหา ไทน์ไม่รับสายเราเลย”
นั่งแหกตูดขี้อยู่ จะออกมารับโทรศัพท์ได้ยังไง แต่เพราะไม่สามารถพูดแบบนั้นกับแฟนตัวเองได้ เลยต้องหาข้ออ้างอื่นๆ แทน
“ตอนกลางคืนก็เรียนหนักเหรอ”
“ก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมแอดมิชชั่น”
“ใช่ซี้! เรามันไม่สำคัญ ถ้าเราไม่อยู่ไทน์จะเสียใจมั้ย” เอาแหล่ววววววววววว
แล้วก็ตัดสายไป รู้ตัวอีกทีแฟนตัวดีได้ก่อวีรกรรมโพสต์รูปตัวเองตอนร้องไห้แล้วแท็กชื่อเฟซบุ๊กผมเรียบร้อย โอยยยยยยย สังคมประณามสิครับถามได้!
แฟนที่เอะอะเหี้ยอะไรก็เมนส์มา...
“น้ำหวานเป็นอะไร” ยกนิ้วสะกิดไหล่ เห็นหน้างอคอหักตั้งแต่อยู่บนรถไฟฟ้าละ พอใจดีพาไปเดินห้างหน่อยนึกว่าจะหาย ที่ไหนได้หนักกว่าเดิมอีก
“ไม่ต้องเลย ไทน์ทำน้ำหวานโกรธ” ตอนไหนว้า...
“โกรธอะไร ไทน์ยังไม่รู้เรื่องเลย”
“ถ้าไม่รู้ว่าน้ำหวานโกรธเพราะอะไรก็ไปไกลๆ อารมณ์ไม่ดี”
“แล้วเป็นอะไรอ่ะ บอกก่อนจะได้ทำตัวถูก”
“เมนส์มาจบมั้ย เลิกยุ่งเลิกตอแย”
หลังจากนั้นชีวิตวัยมัธยมอันซาบซ่านของผมก็จบลงกระทั่งเข้ามหา’ลัย เพราะแอดมิชชั่นทีดวงเสือกพาปลิวมาตกไกลแถวมหา’ลัยภูมิภาค แทนที่จะอยู่ชิคชิคเดินสยาม ส่ายตูดเล่นในพารากอน และเนื่องจากโชคชะตาพาผมมาไกลถึงที่นี่ คนอย่างไอ้ไทน์ก็เลยได้เจอเหตุการณ์แปลกประหลาดยิ่งกว่าการท้าดวลตีหรี่แถวสนามหลวง นั่นคือ...
“ไทน์ได้ยินเรามั้ย” เสียงนี้แหละครับคือความแปลกประหลาดล่าสุดในชีวิตของผม
ผมมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า มือของเขายื่นกล่องคุกกี้ในมือให้และผมก็ต้องรับเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ
“ไทน์ ทีปกร นิติศาสตร์ปีหนึ่ง เราชอบนาย!”
เหยดดดดดดดดดดดดดดดด กล้องอยู่ไหน กำลังถ่ายทำรายการตลกยามเช้าอยู่หรือเปล่า
“เราชอบนายมาก ชอบจริงๆ เป็นแฟนเราเถอะนะ” ได้ฟังแค่นี้กูก็แทบจะปาคุกกี้ลงพื้น
กินเนสบุ๊คโปรดบันทึก ประสบการณ์ที่เฟ็ดเฟ่ที่สุดในชีวิตของผมเกิดขึ้นแล้ว